สวัสดีค่ะทุกคนนนน หลังจากที่ห่างหายจากการเขียนบล็อกครั้งแรกไปเป็นปี 5555 วันนี้เราจะมารีวิวการเปิดบัญชีกับธนาคาร ICBC เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่กำลังจะเดินทางไปประเทศจีน และต้องการกดเงินใช้จากตู็ ATM แบบฟรีๆที่ประเทศจีนกันค่ะ
เรื่องมันเริ่มมาจาก น้องสาวของเราจะไปเรียนซัมเมอร์ภาษาจีนที่ประเทศจีนค่ะ ทางเอเจ้นท์ที่น้องจะเดินทางไปด้วยก็ได้แนะนำให้เปิดบัญชีกับ ICBC หรือ ฺBank of China เพื่อให้น้องสะดวกเรื่องการใช้จ่ายในประทศจีนขณะไปเรียนค่ะ เราเลือกเปิดบัญชีกับธนาคาร ICBC เนื่องจากมีสาขาอยู่ใกล้กับที่ทำงานค่ะ สำหรับสิ่งที่ต้องเตรียมไปสำหรับการเปิดบัญชีมีดังนี้ค่ะ
1. บัตรประชาชนตัวจริงของผู้ที่จะเปิดบัญชี
2. เงินสำหรับเปิดบัญชีโดยขั้นต่ำคือ 1,000 บาท
พอไปถึงธนาคารเราก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะขอเปิดบัญชีเป็นชื่อของเรา สำหรับให้น้องกดเงินใช้ขณะไปเรียนที่จีน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตรเดบิตแบบ Union Pay ให้ค่ะ เพราะจะสามารถใช้กดเงินคล้ายๆกับ ATM ที่ตู้ของ ICBC ที่ประเทศจีนได้ฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถรูดซื้อของได้ด้วย และที่แนะนำเป็นบัตร Union Pay แทนบัตรประเภท Visa เนื่องจากที่ประเทศจีนใช้ Union Pay มากกว่าค่ะ โดยบัตรเดบิตนี้ไม่มีค่าสมัครแรกเข้า และฟรีค่าธรรมเนียม 200 บาทในปีแรกด้วยค่ะ โดยเมื่อไปกดเงินใช้ในประเทศจีน เราจะได้ออกมาเป็นเงินหยวนนะคะ โดยอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนของ ICBC ในวันนั้นๆค่ะ (ฝากเงินเข้าบัญชีเป็นเงินไทย แต่ตอนกดที่ประเทศจีนจะออกมาเป็นเงินหยวนค่ะ)
หลังจากฟังคำแนะนำต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็มีต้องกรอกเอกสารอีกนิดหน่อย และก็ไปเปิดบัญชีกันค่ะ โดยการฝากเงินเข้าบัญชีสามารถฝากได้ทั้งแบบเป็นเงินไทย และ เงินหยวน ในกรณีที่ฝากเป็นเงินหยวนจะมีค่าธรรมเนียมการฝาก 100 หยวนค่ะ แต่ถ้าฝากเป็นเงินไทยจะไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆค่ะ ขั้นตอนการเปิดบัญชีผ่านไปรวดเร็วมากค่ะ ไม่มีอะไรยุ่งยาก แต่มาใช้เวลานานมากหน่อยตอนขั้นหลังจากนั้นค่ะ เริ่มตั้งแต่การสมัครใช้บัตรเดบิต โดยเราจะต้องคิดรหัสผ่านสำหรับบัตรเดบิต เป็นตัวเลขจำนวน 6 หลัก ต่อมาเป็นการสมัครใช้ ICBC mobile banking ในมือถือ ซึ่งก็ต้องคิดรหัสผ่านจำนวนขั้นต่ำ 8 ตัว (เป็นตัวเลขและตัวอักษรผสมกันค่ะ) และท้ายสุด มาเรียนรู้กับเจ้าอุปกรณ์ที่หน้าตาคล้ายเครื่องคิดเลขสำหรับรับรหัสหากต้องการโอนเงินออกจากบัญชี [ธนาคารอื่นจะใช้รหัส OTP ที่ส่งเป็น sms เข้ามาที่โทรศัพท์ แต่ของ ICBC จะใช้รหัสทีส่งผ่านมาทางเครื่องนี้แทนค่ะ]
สำหรับการฝากเงินเข้าบัญชี หากไม่ได้เอเิงนเข้าที่หน้าเคาน์เตอร์ของธนาคาร ICBC สามารถโอนผ่าน mobile banking ของธนาคารอื่นๆบางธนาคารได้ค่ะ เช่น SCB, Kasikorn เป็นต้น และยังสามารถฝากผ่านหน้าเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทยค่ะ แต่วิธีหลังนี้จะต้องมีบัตรแดงของ ICBC (ขออภัยค่ะ จำชื่อบัตรไม่ได้จริงๆ)ไปแสดงที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยค่ะ โดยเงินจะเข้าในวันทำการถัดไปค่ะ (T+1)
โดยสรุป ในการเปิดบัญชีกับ ICBC จะได้รับสิ่งต่างๆกลับมาดังนี้ค่ะ
1. สมุดบัญชีเงินฝาก
2. บัตรเดบิต
3. การสมัคร mobile banking
4. อุปกรณ์ใช้รับรหัสในกรณีจะโอนเงินออกจากบัญชี(ที่หน้าตาคล้ายเครื่องคิดเลข)
5. บัตรแดงสำหรับฝากเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ธนาคารอื่น (จะส่งตามมาภายใน 10 วันหลังจากเปิดบัญชี)
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้าค่ะ สวัสดีค่าา^^
#prissypriss
#ICBC
#Review
#bank
เรื่องมันมีอยู่ว่า...
วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2561
วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559
มนุษย์ทำงานน้องใหม่แกะกล่อง
สวัสดีทุกคนค่ะ ยินดีต้อนรับทุกคนที่เข้ามาอ่าน แวะทักทาย หรือแม้แต่ผู้ที่หลงเข้ามา55 ทุกคนนะคะ เราเป็นบัณฑิตน้องใหม่ที่เพิ่งพ้นจากอ้อมอกของมหาวิทยาลัยมาได้ไม่กี่เดือน อยากจะมาเล่า (บ่น) และพูดคุยกับทุกคนๆค่ะ จริงๆเราเป็นคนที่เขียนไดอารี่มาตั้งแต่เด็ก จู่ๆวันนึงก็รู้สึกว่าหากเปลี่ยนจากการที่ได้เขียนบันทึกที่เสมือนการได้พูดคุยกับตัวเอง เป็นมีเพื่อนมาร่วมเมาท์ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็คงจะสนุกดีเหมือนกัน คงจะนึกภาพออกนะคะเวลาที่มีเพื่อนเยอะๆ มาล้อมวงกันแล้วนั่งเมาท์เรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ มันทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ๆที่เราอาจจะคาดไม่ถึงน่ะค่ะ อิอิ
มาๆๆๆ เริ่มเมาท์กันเถอะค่ะ 555 ... หลังจากร่ำเรียนในคณะเภสัชฯมานาน 6 ปีเต็มจนครบถ้วนสมบูรณ์ด่านต่อมาก็คือการสอบใบประกอบวิชาชีพ ซึ่งอย่าให้บรรยายเลยค่ะว่ามันเหนื่อยขนาดไหนนนน เราว่าช่วงสอบใบประกอบฯเป็นช่วงชีวิตที่เราขยันที่สุดแล้วค่ะ และคงทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้ 55 ทั้งกินไม่ได้ นอนไม่หลับ อ่านหนังสือไปปาดน้ำตาไปเพราะเหนื่อยและท้อมากจริงๆ ช่วงนั้นจิตตกมากๆ แต่มาจิตตกขั้นสุดก็คือหลังสอบเสร็จและต้องรอผลสอบว่าจะสอบผ่านหรือไม่ ระหว่างรอก็ภาวนาวนไปค่ะ อยากผ่านแล้วค่ะ ให้อ่านหนังสืออีกรอบคงไม่ไหวแน่ๆ สุดท้ายแล้วพระเจ้าท่านคงเห็นใจค่ะ เราก็สอบผ่านมาได้ด้วยดี เป็นเภสัชกรมีใบประกอบวิชาชีพอย่างเต็มตัว
ช่วงที่อ่านหนังสือสอบใบประกอบฯ เราได้สัญญากับตัวเองไว้อย่างนึงว่า หากสอบผ่าน เราจะพักผ่อนซัก 3 เดือน อยากทำอะไรจะทำให้ครบทุกอย่างเลย ทั้งไปเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง ดูซีรีย์เกาหลีในสต็อกที่ดองไว้เยอะมากๆๆๆ แล้วค่อยหางานทำ แต่เชื่อมั้ยคะ ว่าเราหยุดพักผ่อนได้แค่ 3 สัปดาห์ เราเริ่มทนไม่ได้ค่ะ เพราะมันไม่ได้มีความสุขขนาดน้านนน เราเริ่มรู้สึกเบื่อค่ะ555 และในวันนึงที่เราเบื่อถึงขีดสุด เราเลยอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปสมัครงานที่ร้านยาแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในห้าง เราสมัครเป็นเภสัชกรพาร์ทไทม์ค่ะ เราใจร้อนมาก สมัครวันนี้ ทำงานวันถัดไปเลยค่ะ ความรู้สึกตอนได้ไปทำงานเนี่ยเหมือนชีวิตได้ฟื้นคืนชีพค่ะ จากที่รู้สึกเหงาหงอย กลายเป็นสนุกและมีชีวิิตชีว่าขึ้นมากกก ให้ยืนทำงานทั้งวันยังไม่เหนื่อยเลยค่ะ ตอนนี้ถ้าใครถามว่าทำงานอะไร เราก็ตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า อ๋ออ เป็น "พาร์ทไทม์มืออาชีพค่ะ" 555 ตอนนี้ยังเคว้งคว้างอยู่เลยว่าจะทำงานประจำอะไรดี แต่รู้สึกได้ว่าการทำงานทำให้เราโตขึ้น ความคิดเปลี่ยนไป และได้เห็นโลกในมุมใหม่ๆเยอะเลยค่ะ รู้สึกตื่นเต้นจังกับชีวิตการทำงาน ตั้งใจไว้ว่าจะสนุกให้เต็มที่กับชีวิตในก้าวนี้ค่ะ
เริ่มยาวละ ไว้มาเมาท์กันใหม่นะคะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้น้าา อยากอ่านเรื่องของทุกๆคนเหมือนกันค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ ^_^
#prissypriss
ป้ายกำกับ:
งาน,
ชีวิตการทำงาน,
น้องใหม่,
ประสบการณ์,
พาร์ทไทม์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)